เป็นเรื่องราวดราม่าที่หลายคนเห็นกันมาเป็นระยะๆ สำหรับเรื่องที่ 7-Eleven เปิดสาขาติดกัน โดยส่วนใหญ่เข้าใจไปในทางที่ว่า เมื่อเจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven เปิดสาขาหนึ่งจนยอดขายดีมาก ทาง 7-Eleven เอง ก็จะมาเปิดแข่ง
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน ภาพนี้โด่งดังมากเนื่องจากถูกแชร์ไปบนโลกโซเชียล เป็นภาพของเซเว่นที่เปิดติดกัน โดยมีเนื้อหาอธิบายประมาณว่า เซเว่นสาขานี้ที่เจ้าของซื้อแฟรนไชส์ขายดิบขายดี จนทางเซเว่นเองเปิดมาสาขาแข่งอยู่ติดกัน
ซึ่งหลังจากนั้นเค้าก็เฉลยแล้วว่า เห้ย ความจริงแล้วเซเว่นไม่ได้มาเปิดติดกันนะ แต่ทั้งสองสาขานี้เจ้าของคนเดียวกันต่างหาก
เจ้าของสาขาเค้าต้องการขยายเพิ่มเนื่องจากรับลูกค้าด้วยร้านสาขาเดียวไม่ไหว แต่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับอาคารเล็กน้อย จึงไม่สามารถขยายเพิ่ม หรือทุบรวมกับตึกข้างๆ ได้ จึงตัดสินใจเปิดอีกสาขาไปเลย
อ่านฉบับเต็มได้ที่ : ทำไม”ร้านเซเว่น”ที่หาดใหญ่ถึงเปิดติดกัน 2 ร้านแบบนี้ คลิกดูเลยแล้วจะรู้ความจริง!!
นอกจากนี้ ยังมีบทความหนึ่งที่ทางทีมงานเซเว่นแฟนคลับได้เจอมา เป็นเรื่องราวของเฮียมิ้งที่ถือว่าเป็นคนแรกที่ซื้อแฟรนไชส์ 7-Eleven มาเปิด ซึ่งก็รีโนเวทจากร้านโชห่วยเดิมของเฮียแกเลยนั่นเอง
ความน่าสนใจนั้นอยู่ตรงที่สาขาแรกกับสาขาที่สองของเฮียแกเองก็เปิดติดกันมากๆ และจากที่ลังเลว่าจะเปิดสาขาที่สองดีไหมนะ ทำไปทำไมกลายเป็นสามสาขาติดกัน เรียกว่าเป็นอีกเคสหนึ่งที่น่าสนใจ ผมขอสรุปใจความในส่วนของการเปิดสาขาติดกันจากบทความดังนี้ครับ
ทำไมเฮียมิ้งถึงต้องเปิดสาขาสองติดกัน
ความจริงแล้วเฮียมิ้งไม่มีความคิดที่จะเปิดสาขาที่สองเอง ตอนนั้นเริ่มจาทาง 7-Eleven เค้าเริ่มออกไปหาทำเลที่น่าสนใจมาให้ ที่เค้าแนะนำก็เป็นพื้นที่ใกล้กันมาก ถัดจากสาขาแรกไปอีก 8 คูหา แล้วมาปรึกษาทางเฮียมิ้ง ซึ่งถ้าเค้ายังไม่เห็นด้วยบริษัทก็จะยังไม่เปิด 7-Eleven
ไม่ใช่ว่าจู่ๆ มาเปิดเพื่อแข่งกันเลย แต่มาถามมาคุยก่อนว่าเฮียสนใจลงทุนสาขาใหม่ด้วยกันไหม
แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้เฮียตัดสินใจตกลงทำครับ
ตอนแรกเฮียเค้าคิดที่จะลงทุนทำอย่างอื่นเพิ่ม พอไปศึกษาธุรกิจซักอบรีด ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ แต่ตอนนั้นกลุ่มเป้าหมายของร้านซักอบรีด และธุรกิจอื่นที่ดูไว้ในละแวกนั้นไม่มีเลย เปิดไปก็ไม่คุ้ม จึงตกลงเปิด 7-Eleven แล้วกัน เพราะเราก็คุ้นเคยกับธุรกิจนี้มาแล้ว
หลังจากเริ่มทำสาขาที่สอง มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
งานเบาขึ้นเยอะเลยเพราะมีคนมาช่วยขาย คือ มีอีกสาขานึงมาแบ่งลูกค้าไปก็ทำให้ทำงานง่ายขึ้น และมันก็เป็นของเฮียเอง ช่วงแรกรายได้มันหายนะ เพราะเทียบกับ Fixed Cost ที่เราต้องจ่ายพนักงานก็เยอะขึ้น กำไรที่ได้ก็หายไป แต่ว่ารูปแบบบริหารมันก็สบายขึ้น เพราะว่ามีอีกสาขามาช่วยรองรับลูกค้า แต่พอเวลาผ่านไปสักสองปีมันเริ่มลงตัว ลูกค้าก็เยอะขึ้น กำไรมากขึ้น ด้วยชุมชนที่มันหนาแน่นขึ้น
จนตอนนี้มีสาขาที่ติดกัน 3 สาขาแล้ว
คิดยังไงกับการที่ 7-Eleven แย่งร้านโชห่วย
ทุกวันนี้ร้านโชห่วยในซอยยังอยู่ เปิดคู่กับ 7-Eleven เพราะกลุ่มเป้าหมายไม่ตรงกัน อย่างอาหารสด น้ำตาลปิ๊บ กะปิ น้ำมันพืชขายเป็นปิ๊บๆ เราก็ไม่ได้ขาย มันขายคนละแบบ กลุ่มลูกค้า 7-Eleven จะเป็นกลุ่มคนทำงาน เน้นรวดเร็ว สะดวก ราคาไม่เกี่ยงมาก กลุ่มคนที่ซื้อไปทำอาหารทานเองก็จะซื้อร้านโชห่วยอยู่ดี
ใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ >> คุยกับเฮียมิ้ง ร้านโชห่วยสู่ธุรกิจเซเว่นฯ รายแรก เซเว่นฯ เมื่อก่อนเป็นอย่างไร? ทำไมต้องเปิดติดกัน?
++ สรุป ++
ร้าน 7-Eleven ปัจจุบันเป็นร้านสะดวกซื้อที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภคที่แวะเวียนมาซื้อสินค้าและใช้บริการ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก พร้อมเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมบางแห่งถึงมีร้านเซเว่น อีเลฟเว่นเปิดใกล้เคียงกันหลายสาขา?
คำตอบก็คือ เนื่องจากแต่ละสาขาจะมีการประมาณการจำนวนลูกค้าที่ร้านสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพื้นที่นั้นอาจจะมีความเจริญมากขึ้น จำนวนลูกค้าก็หนาแน่นมากขึ้น ทำให้การบริการของสาขาเดิมไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า จึงเป็นสาเหตุให้ต้องมีการเปิดร้านใหม่ขึ้นเพื่อช่วยรองรับลูกค้า
ทั้งนี้ก่อนจะเปิดสาขาใหม่ใกล้เคียงกับสาขาเดิม บริษัทฯ จะให้สิทธิ Store Partner เจ้าเดิมพิจารณาถึงความพร้อมในการขยายสาขาใหม่ ถ้าพร้อม Store Partner ก็สามารถใช้สิทธิบริการร้านใหม่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่พร้อม บริษัทจะเปิดร้านรอเอาไว้ เพื่อรอให้ Store Partner มาโอนไปในอนาคตเมื่อพร้อม ซึ่งในระหว่างนั้นบริษัทก็จะมีการประกันรายได้สาขาเดิมด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ทราบ และยังเข้าใจผิดว่า บริษัทไปเปิดสาขาแข่งกับ Store Business Partner นั่นเอง
อย่างไรก็ตามการเปิดสาขาเยอะๆ มันก็เป็นผลดีต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ อยู่แล้วอ่ะเนอะ คิวสั้นลง(ม๊ากกก) มีของมากขึ้น มีที่ตากแอร์มากขึ้น ได้เจอพนักงานน่ารักมากขึ้น วินวินกันไปทุกฝ่ายนั่นแหละ